ศาลเจ้าเทพแห่งการแพทย์ (Temple of Divinity of Medicine)
ศาลเจ้านี้มีทิศประตูประจัญทิศเหนือที่ 2 ( N 2 ) เป็นวัดที่มีราศีม้า หรือวัดม้า ตามหลักฮวงจุ้ย
ศาลเจ้านี้ตั้งอยู่ที่ Rua da Figueira การเดินทางคงต้องใช้แผ่นที่วัด และ Google map ช่วยเช่นเคย ก็เดินหาอยู่นานเหมือนกันมีหลงบ้างแต่ก็ไปถึงในที่สุด ลักษณะศาลเป็นเหมือนศาลที่มีอาคารต่อกันถึง 3 หลัง ศาลเจ้าเทพแห่งการแพทย์ ตั้งอยู่ถัดกับวัดเปากง ถูกสร้างขึ้นในปี 1893 ด้านหน้ากำแพงจารึกโคลงกลอนว่า “คุณธรรมส่องทั่วจักรวาล เกี่ยวเนื่องกับอดีตและปัจจุบัน; เทพเจ้าปรากฏกายบนท้องทะเลรวมไปถึงหมู่เกาะน้อยใหญ่ ยังประโยชน์แก่ชาวจีนและนานาประเทศทั้งปวง”
เทพแห่งการแพทย์ มีนามว่า “เฉินหน่อง” SHEN-NONG เดิมเป็นผู้เชี่ยวชาญการกสิกรรม แต่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากความรู้ความสามารถเรื่องสมุนไพรจีน ยาและเวชกรรมต่าง เชื่อกันว่าท่านเฉินหน่องได้ทดลองลิ้มรสผักและสมุนไพรทุกชนิดบนผืนแผ่นดินจีนรวมทั้งยาพิษต่างๆ ทำให้ได้รับพิษมากถึงกว่า 72 ครั้งต่อวัน แต่ท่านไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใดเนื่องจากยาสมุนไพรและยาพิษที่รับประทานเข้าไปสามารถป้องกันและแก้ไขกันได้เอง ตามตำนานเล่าว่าท่านเฉินหน่องมีศีรษะเป็นวัวตัวผู้มีเขาโง้ง บ้างก็ว่าขี่วัวเป็นพาหนะ มีช่องท้องเป็นโพรงใสที่สามารถมองเห็นพืชผักชนิดต่างๆ ก่อปฎิกริยาแก่ร่างกายได้อย่างชัดเจน เชื่อว่าผู้มากราบไหว้เทพแห่งการแพทย์จะมีอายุวัฒนะ สุขภาพแข็งแรง หายจากโรคภัยทั้งปวง
ก็เดินหาอยู่นาน เพราะความที่เราไม่รู้หนังสือจีนด้วย สื่อกับเจ้าหน้าที่วัดก็เข้าใจยาก แต่ในที่สุดก็เข้าใจกัน เจ้าหน้าที่วัดก็พาไปชี้ให้ดูว่าคือองค์นี้
โถงที่สำคัญสำหรับสตรีชาวมาเก๊า คือโถงแห่งเทพีผู้คุ้มครองหญิงตั้งครรภ์ ความอุดมสมบูรณ์ของเผ่าพันธ์ และการคลอดบุตร จึงมีผู้มาขอบุตรหลานที่นี่และขอพรให้หญิงตั้งครรภ์เป็นจำนวนมาก
วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปนอนที่มีอายุกว่า 200 ปี ภายในแบ่งออกเป็นโถงสำหรับเทพแต่ละองค์ อาทิ เจ้าแม่กวนอิม, เทพไทยส่วย, จี้กง, เทพเจ้าแห่งโลกันตร์, เทพเจ้าแห่งผืนแผ่นดินและเทพเจ้าอื่นๆ
องค์นี้น่าจะเป็นองค์ไฉ่สิ่งเอี้ย ( หรือเทพแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย )โดยสังเกตจากมือซ้ายท่านถือก้อนทองมือขวา ถืออยู่อี่ หรือเหมือนไม้คฑาที่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เขาถือกันในอดีตเวลาที่เข้าเฝ้าจักรพรรดิ
จง ขุย (จีน: 鍾馗; พินอิน: Zhōng Kuí) หรือเทพเจ้าแห่งโลกันตร์ เป็นเทพกึ่งปีศาจในตำนานเทพของจีน เชื่อกันว่าจงเขว่ยเป็นผู้กำราบปิศาจร้าย และมักจะวาดภาพจงเขว่ยไว้ที่หน้าประตู เพื่อเป็นผู้ปกปักษ์คุ้มครองบ้าน
ตามตำนานของจีน เล่าว่าจง ขุยเป็นชายหนุ่ม มีความรู้ดี แต่หน้าตาอัปลักษณ์ เขาเดินทางไปกับตู้ผิง (杜平) เพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกัน เพื่อเข้าสอบรับราชการเป็นบัณฑิต ที่เรียกว่า จอหงวน ในเมืองหลวง แม้ว่าจงจะสอบได้คะแนนสูงสุด แต่ฮ่องเต้ก็ มิได้ประทานตำแหน่งจอหงวน ให้เพราะจง ขุยมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดนั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ จงเขว่ยจึงโกรธและน้อยใจอย่างยิ่ง และฆ่าตัวตายที่บันไดพระราชวังนั่นเอง ส่วนตู้ผิงก็ช่วยทำศพเพื่อน ครั้นเมื่อตายไปแล้ว จง ขุยได้เป็นราชาแห่งปิศาจในนรก และจะกลับบ้านเกิดในช่วงปีใหม่ (นั่นคือ ตรุษจีน) นอกจากนี้ ยังได้ตอบแทนความมีน้ำใจของตู้ผิง โดยการมอบน้องสาวให้แต่งงาน
เรื่องราวของจง ขุยนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในนิทานพื้นบ้านของจีน ตั้งแต่สมัยจักรพรรดิถังเสฺวียนจง (唐玄宗) ในราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 712 ถึง ค.ศ. 756) จากเอกสารในสมัยราชวงศ์ซ่ง ระบุว่า เมื่อจักรพรรดิเสวียนจงทรงพระประชวรหนัก ทรงพระสุบินเห็นปิศาจสองตน ตนเล็กขโมยถุงเงินไปจากพระสนม นามว่าหยางกุ้ยเฟย และขลุ่ยขององค์จักรพรรดิ ส่วนปิศาจคนใหญ่นั้น สวมหมวกขุนนาง มาจับปิศาจตนเล็ก และดึงลูกตาออกมากินเสีย จากนั้นปิศาจตนใหญ่ก็แนะนำตนว่าชื่อจงเขว่ย และบอกว่าตนได้สาบานที่จะกำจัดอาณาจักรแห่งความชั่วร้าย เมื่อจักรพรรดิตื่นบรรทม ก็ทรงหายจากอาการประชวร จากนั้นได้มีบัญชาให้นายช่างหลวง ชื่อ อู่ เต้าจื่อ (吴道子) วาดภาพจง ขุยให้เหล่าขุนนางดู และภาพดังกล่าวมีอิทธิพลอย่างมากต่อภาพวาดจง ขุยในสมัยต่อ ๆ มา
“อู๋เต้าจื่อ” วาดภาพของจงขุยตามที่เห็นในพระสุบิน และทรงแจกจ่ายรูปของจงขุยให้แก่ประชาราษฏร์ติดที่หน้าประตูบ้าน เพื่อป้องกันสิ่งอัปมงคลและสิ่งชั่วร้ายนานาประการ ในตำนานยังกล่าวด้วยว่า จงขุยได้รับมอบหมายจากสวรรค์ให้มีทหารในสังกัดถึง 3 พันนาย เพื่อช่วยในการปราบปีศาจ ดังนั้น สำหรับชาวจีนแล้ว จงขุยคือเทพผู้สำคัญที่สุดในยามที่ชาวบ้านเกรงกลัวภูตผี และกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าผู้พิทักษ์มนุษย์ให้พ้นจากภัยรังควานของ ภูตผีปีศาจสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน เชื่อกันว่า ใครที่กลัวจะถูกทำของใส่ หรือถูกคุณไสยเล่นเอา ต้องมีจงขุยคุ้มครองอยู่ในบ้าน หรือกรณีที่ต้องเข้าโรงพยาบาล หรือคนป่วยไปพักฟื้นที่ไหน สถานที่เหล่านั้นถือว่า มันสกปรก คือมีคนตายมาก ต้องมีผีอยู่ ให้เอาเทพปราบมารองค์นี้ไปด้วย แล้วจะปลอดภัยหายเป็นปกติกลับบ้านได้
อีกห้องหนึ่งก็จะมีพระอรหันต์จี้กง…
พระอรหันต์จี้กง(Jigong)
พระจี้กง เป็นอรหันต์ในศาสนาพุทธนิกายมหายาน แต่เป็นพระอรหันต์ที่แปลกประหลาด
จนผู้คนให้ฉายานามว่า พระบ้า หรือ พระเพี้ยน เพราะเป็นพระที่รับประทานเนื้อสัตว์
ดื่มสุราเป็นประจำ สวมรองเท้าสานขาดๆ ถือพัดใบลานที่เป็นรู ใส่เสื้อผ้ารุ่งริ่ง มีหมวกเก่าๆใบเล็ก ไม่มีความสำรวม ผิดกับพระสงฆ์ทั่วไปโดยสิ้นเชิง
พระ จี้กง มีชีวิตอยู่ระหว่าง พศ.1691-1752 ในสมัยราชวงศ์ซ่ง หรือก่อนสมัยสุโขทัย เดิมชื่อหลี่ซินหย่วน เกิดที่มณฑลเจ้อเจียง ในตระกูลของผู้มีอันจะกิน หลังจาก บิดามารดาเสียชีวิต จี้กงก็ตัดสินใจละทางโลก ออกบวชที่วัดหลิงอิ่น(Lingyin) เมืองหางโจว(Hangzhou) โดยได้ฉายานามว่าเต้าจี้(Daoji)
หลัง จากออกบวช และ ต่อมามีพฤติกรรมพิเรนผิดกับพระทั่วไป จนเป็นที่ติฉินนินทาของพระสงฆ์รูปอื่นๆ แต่พระอาจารย์ กลับทราบดีว่า แม้ภายนอกจี้กงจะมีกิริยาไม่สำรวม ทั้งผิดศีล เล่นซุกซนกับเด็กๆ ดื่มสุรา บริโภคเนื้อสัตว์ ดังคำว่า”ร่ำสุรา ร่ายธรรมะ ปัดเป่าพิบัติ ขจัดทุกข์ภัย” แต่พระจี้กงกลับเป็นบุคคลที่บรรลุธรรมแล้ว
บาง ครั้งพระจี้กงก็แสร้างทำเป็นบ้า บางคราวก็ทำเป็นคนปกติ บางทีก็ทำตัวง่ายๆ แต่บางโอกาสก็ทำจริงจิง ยารักษาโรคสารพัดนึกก็ทำมาจากคราบไคลของตัวท่านเอง บางเวลาท่านก็เป็นหมอทางเวทย์มนต์ที่ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง การกระทำหลายๆอย่างของจี้กง แม้จะดูเหมือนผิดศีลธรรม ผิดประเพณีดั้งเดิม
แต่จุดมุ่งหมายและผลลัพธ์กลับเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และ เกิดคุณประโยชน์
พุทธศาสนานิกายมหายานเชื่อกันว่า จี้กงเป็นอรหันต์ที่จุติมาเกิดอีกครั้งเพื่อสั่งสอนมนุษย์โลก
ชาว บ้านหางโจวได้โยงเรื่องที่มาของยอดเขาบินที่วัดหลิงอิ่น(Linyin)เป็นนิทาน พื้นเมืองของชาวหางโจว ที่เล่ากันว่าเดิมยอดเขาประหลาดดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณแถบตะวันตกเฉียงใต้ ของมณฑลเสฉวน เช้าวันหนึ่งเมื่อพระจี้กง มีญาณบอกล่วงหน้าว่า ราวเที่ยงวันยอดเขาดังกล่าวจะบินมาตกทับหมู่บ้านข้างวัดหลิงอิ่น จะทำให้มีผู้คนเสียชีวิตมากมาย พระจี้กงได้วิ่งเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อบอกถึงมหันตภัยดังกล่าวให้ชาวบ้านได้ ทราบ เพื่อที่จะได้พากันอพยพไปยังที่ปลอดภัย “เที่ยงวันจะมีภูเขาหล่นลงมาทับหมู่บ้าน ทุกคนรีบเก็บข้าวของเร็ว ไม่งั้นก็ไม่ทันแล้ว”
พระ จี้กงกระหืดกระหอบ ตะโกนบอกชาวบ้านไปทั่ว แต่ชาวบ้านมองว่า จี้กง เป็นเพียงพระบ้ารูปหนึ่งที่กล่าวอะไรไร้สาระไปวันๆ ทุกคนจึงส่ายหัว พร้อมกับด่าทอว่า “พระบ้าเอ้ย จะหาเรื่องอะไรมาเล่นสนุกอีกละ ภูเขาบินมีที่ไหนกันเล่า”
พอ ดีในวันนั้นมีการจัดงานมงคลสมรส มีเสียงของงานรื่นเริงดังขึ้นที่มุมหนึ่งของหมู่บ้าน เมื่อจี้กงเห็นว่าไม่มีใครยอมเชื่อสิ่งที่ตนเองกล่าวเตือน จึงตัดสินใจแอบเล็ดลอดเข้าไปในงาน แล้วอุ้มเจ้าสาวหนีออกจากงาน จี้กงอุ้มเจ้าสาวและวิ่งอย่างว่องไวออกไปนอกหมู่บ้าน ขณะที่ชาวบ้านที่มาร่วมงานต่างก็วิ่งไล่จับ พร้อมกับตะโกนป่าวร้อง ให้ทุกคนช่วยกันคว้าตัว
‘พระบ้าขโมยเจ้าสาว’ แต่จี้กงก็มีฝีเท้าเร็วพอที่จะไม่ถูกใครไล่ตามจับได้ทัน
ผู้คนทั้งหมู่บ้านพากันวิ่งไล่ตาม ออกมาไกลสิบกว่าลี้หรือราวห้ากิโลเมตรจนกระทั่งเลยรัศมีของยอดภูเขามหันตภัย จี้กงจึงวางเจ้าสาวลง เมื่อหยิบพัดใบลานขึ้นมาโบกคลายร้อนก็บังเกิดเสียงดังลั่นสนั่นพสุธา ยอดเขาตกลงมาทับหมู่บ้านอย่างที่คาดไว้ ชาวบ้านที่วิ่งตามมา เมื่อหันกลับไปมองเห็นภูเขายักษ์หล่นมาทับหมู่บ้านของตนเสียแบนราบก็ทราบว่า สิ่งที่จี้กงกล่าวเตือนนั้นเป็นความจริง ส่วนการที่จี้กงอุ้มเจ้าสาวหนีออกมาจากงานมงคลนั้นก็เพื่อช่วยชีวิตชาวบ้าน ทั้งหลายนั่นเอง แต่เมื่อเห็นบ้านช่อง ทรัพย์สมบัติถูกทับแบนอยู่ใต้ภูเขา
ชาว บ้านจำนวนไม่น้อยก็เกิดความเสียดายและเศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้ ตีอกชกหัวกันเป็นพัลวัน จี้กงจึงหันไปกล่าวกับชาวบ้านเหล่านั้นว่า “ร้องไห้ไปทำไม พวกเจ้าที่ดินที่มัวแต่เสียดายสมบัติต่างก็ถูกทับจมอยู่ใต้ภูเขาไปแล้ว จากนี้ต่อไปทุกคนก็กลับไปทำไรทำนาของตัวเอง ทำเท่าไหร่ได้เท่านั้น ชีวิตก็ยังมี จะยังกลัวสร้างเรือนใหม่ไม่ได้ไปใย”
ชาว บ้านพอได้ยินก็สำนึกได้ว่าท่ามกลางความทุกข์ก็ยังพอมีประกายแสงแห่งความสุข เรืองรองอยู่บ้างท่ามกลางความสูญเสียอย่างน้อยที่สุดพวกตนก็ยังรักษาชีวิต ให้รอดอยู่ได้ เมื่อเห็นชาวบ้านพอจะคลายทุกข์ลงได้แล้ว จี้กงก็รั้งเหล่าชาวบ้านเอาไว้ และกล่าวต่อว่า”อย่างเพิ่งไป ทุกคนฟังอาตมาก่อน ยอดเขาก้อนนี้เดิมลอยไปลอยมา จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หลังทับทลายหมู่บ้านของพวกเราแล้วก็อาจจะบินไปทับหมู่บ้านอื่น อาจทำให้คนเสียชีวิตอีกมากมาย อาตมา ขอร้องให้พวกเราช่วยกันสลักพระอรหันต์ 500 องค์ไว้บนภูเขาลูกนี้เพื่อที่จะทำให้ภูเขาลูกนี้ไม่บินไปสร้างอันตรายให้กับ ผู้อื่นอีก”
ชาว บ้านได้ยินดังนั้นจึงรีบกลับไปช่วยกันสลักพระอรหันต์ 500 องค์ไว้บนยอดเขาบินกันคนละไม้ละมือ นับจากนั้น ยอดเขาดังกล่าวก็ไม่บินไปสร้างอันตรายให้ใครอีก และถูกเรียกขานกันต่อๆ มาว่า ยอดเขาบิน ณ วัดหลิงอิ่น เล่า กันว่าพระจี้กงมีอิทธิฤทธิ์กว้างขวาง โปรดช่วยมวลมนุษย์มากมายโดยอาศัยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ชาวบ้านพ้นภัยจากผู้ที่ดูภายนอกเหมือนผู้มีบุญแต่ใจบาป จี้กงจะใช้วิธีเล่นงานจนคนชั่วเหล่านั้นให้รู้สึกสำนึกตัว สำหรับผู้ที่โหดร้ายทารุณ จะถูกตอบโต้จนไม่สามารถจะอยู่ต่อไปได้ ทำให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้น ประชาชนจึงสรรเสริญว่าเป็นพระศักดิ์สิทธิ์
ตลอด ชีวิตของท่าน ได้ช่วยเหลือและอบรมชาวบ้านโดยวิธีต่างๆกันมาตลอด ทั้งๆที่ท่านมีแต่จีวรขาดๆ รองเท้าขาดๆหนึ่งคู่ โดยไม่สนใจว่ามันจะเปื้อนโคลนหรือไม่ มือก็ถือพัดเล่มหนึ่ง ไม่กลัวทั้งที่ต่ำและที่สูง ศีรษะโล้น เท้าเปลือยเปล่า ไม่หนาวไม่ร้อน ไม่ต้องบิณฑบาตเพราะไม่หิวไม่กระหาย พบใครก็เอาแต่อมยิ้ม เพื่อจะได้แผ่บุญ ไม่หลบสังคม พบเสียงทุกข์ก็เข้าช่วยเหลือ ท่านมีจิตเมตตาไม่ถือสา การปรากฏตนของท่าน เอาแน่เอานอนไม่ได้ กิริยาล้วนเป็นปริศนาธรรม ธรรมะของท่านเป็นที่กล่าวขาน จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระอาจารย์ทางพระกัมมัฏฐาน แม้ท่านจะละสังขารจากโลกนี้ไปแล้วแต่ธรรมะท่าน ยังมีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์เสมอมา ดังนั้น จึงได้สมัญญาว่า เป็นพระพุทธที่ยังมีชีวิตอยู่
ห้องเทพไท้ส่วย เห็นห้องที่ประดิษฐองค์เทพที่ทำหน้าที่ดูแลดวงชะตาของคนเกิดในแต่ละปี เราสามารถมาทำพิธีแก้ชง ในแต่ละปี ณ. ห้องนี้ได้ ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยทำพิธีให้…
เทพเจ้าไท้ส่วย 60 องค์
ไท้ส่วย เป็นเทพเจ้า ซึ่งชาวจีนเชื่อว่าเป็นผู้คุ้มครองดวงชะตา ฉะนั้น องค์ไท้ส่วยจึงมี 60 องค์ ตามระบบ 60 甲子 ซึ่งในแต่ละปี นักษัตรจะหมุนเปลี่ยนไป และ นักษัตรใดที่โดนไท้ส่วยปะทะ (ชง) จะเรียกว่า ละเมิดไท้ส่วย ต้องทำพิธีขอพรองค์ไท้ส่วย หรือ อาจพกฮู้มงคลของไท้ส่วยองค์นั้นๆ ไว้ เพื่อบูชาติดตัว
จากภาพก็จะมี พ.ศ. ที่เกิดกำกับไว้ในแต่ละองค์ เราเกิด พ.ศ. ไหน
ก็จะมีเทพไท้ส่วย องค์นั้นดูแลดวงชะตาของเรา
ต่อไปคือชื่อเทพไท้ส่วยแต่ละองค์ ทั้ง 60 องค์
[1] 甲子太歲金辨大將軍: ขุนพลกิมไป่ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกะจื้อ (2467, 2527)
[2] 乙丑太歲陳材大將軍: ขุนพลตั่งไช้ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีอิกทิ่ว (2468, 2528)
[3] 丙寅太歲耿章大將軍: ขุนพลก่วงเจียงไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเปี้ยอิ๊ง (2469, 2529)
[4] 丁卯太歲沈興大將軍: ขุนพลซิมเฮงไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเต็งเบ้า (2470, 2530)
[5] 戊辰太歲趙達大將軍: ขุนพลเตี่ยตั๊กไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีโบ่วซิ้ง (2471, 2531)
[6] 己巳太歲郭燦大將軍: ขุนพลก้วยฉั่งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกี้จี๋ (2472, 2532)
[7] 庚午太歲王清大將軍: ขุนพลเห่งจีไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีแกโง่ว (2473, 2533)
[8] 辛未太歲李素大將軍: ขุนพลลีสู่ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีซิงบี่ (2474, 2534)
[9] 壬申太歲劉旺大將軍: ขุนพลเหล่าอ๋วงไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีหยิ่มซิม (2475, 2535)
[10] 癸酉太歲康志大將軍: ขุนพลคังจี่ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกุ่ยอิ้ว (2476, 2536)
[11] 甲戌太歲施廣大將軍: ขุนพลซีก้วงไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกะสุก (2477, 2537)
[12] 乙亥太歲任保大將軍: ขุนพลหยิ่มเป้าไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีอิกไห (2478, 2538)
[13] 丙子太歲郭嘉大將軍: ขุนพลก้วยเกียไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเปี้ยจื้อ (2479, 2539)
[14] 丁丑太歲王文大將軍: ขุนพลอวงบุ๊งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเต็งทิ่ว (2480, 2540)
[15] 戊寅太歲曾光大將軍: ขุนพลลูซายไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีโบ่วอิ๊ง (2481, 2541)
[16] 己卯太歲龍仲大將軍: ขุนพลเหล่งต้งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกี้เบ้า (2482, 2542)
[17] 庚辰太歲董德大將軍: ขุนพลตังเต็กไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีแกซิ้ง (2483, 2543)
[18] 辛巳太歲鄭但大將軍: ขุนพลแต่ตั่งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีซิงจี๋ (2484, 2544)
[19] 壬午太歲陸明大將軍: ขุนพลเหล็กเม้งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีหยิ่มโง่ว (2485,2545)
[20] 癸未太歲魏仁大將軍: ขุนพลกุ่ยยิ้งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกุ่ยบี่ (2486, 2546)
[21] 甲申太歲方杰大將軍: ขุนพลปึงแช้ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกะซิม (2487, 2547)
[22] 乙酉太歲蔣崇大將軍: ขุนพลเจี้ยวช้งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีอิกอิ้ว (2488, 2548)
[23] 丙戌太歲白敏大將軍: ขุนพลแปะเมี่ยงไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเปี้ยสุก (2489, 2549)
[24] 丁亥太歲封濟大將軍: ขุนพลฮ้งจี่ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเต็งไห (2490, 2550)
[25] 戊子太歲鄒鏜大將軍: ขุนพลโจวต้งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีโบ่วจื้อ (2491, 2551)
[26] 己丑太歲潘佐大將軍: ขุนพลโป้วอิ๋วไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกี้ทิ่ว (2492, 2552)
[27] 庚寅太歲鄔桓大將軍: ขุนพลอูฮ้วยไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีแกอิ๊ง (2493, 2553)
[28] 辛卯太歲范寧大將軍: ขุนพลห่วมเล้งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีซิงเบ้า (2494, 2554)
[29] 壬辰太歲彭泰大將軍: ขุนพลแผ่ไท่ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีหยิ่มซิ้ง (2495, 2555)
[30] 癸巳太歲徐萃大將軍: ขุนพลฉื่อตัวไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกุ่ยจี๋ (2496, 2556)
[31] 甲午太歲章詞大將軍: ขุนพลเจียงซื้อไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกะโง่ว (2497, 2557)
[32] 乙未太歲楊仙大將軍: ขุนพลเอี่ยเซียงไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีอิกบี่ (2498, 2558)
[33] 丙申太歲管仲大將軍: ขุนพลกวงต๊งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเปี้ยซิม (2499, 2559)
[34] 丁酉太歲唐傑大將軍: ขุนพลถั่งแช้ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเต็งอิ้ว (2500, 2560)
[35] 戊戌太歲姜武大將軍: ขุนพลเกียงบู๊ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีโบ่วสุก (2501, 2561)
[36] 己亥太歲謝太大將軍: ขุนพลเจี่ยไถ่ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกี้ไห (2502, 2562)
[37] 庚子太歲盧秘大將軍: ขุนพลโหล่วปี่ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีแกจื้อ (2503, 2563)
[38] 辛丑太歲楊信大將軍: ขุนพลเอี่ยสิ่งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีซิงทิ่ว (2504, 2564)
[39] 壬寅太歲賀諤大將軍: ขุนพลห่องักไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีหยิ่มอิ๊ง (2505, 2565)
[40] 癸卯太歲皮時大將軍: ขุนพลผ่วยซี้ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกุ่ยเบ้า (2506, 2566)
[41] 甲辰太歲李誠大將軍: ขุนพลหลีเซ้งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกะซิ้ง (2507, 2567)
[42] 乙巳太歲吳遂大將軍: ขุนพลโกว่ซุ่ยไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีอิกจี๋ (2508, 2568)
[43] 丙午太歲文哲大將軍: ขุนพลบุ่งเตียกไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเปี้ยโง่ว (2509, 2569)
[44] 丁未太歲繆丙大將軍: ขุนพลเหลี่ยวเปี้ยไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเต็งบี่ (2510, 2570)
[45] 戊申太歲徐浩大將軍: ขุนพลซื่อฮ้าวไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีโบ่วซิม (2511, 2571)
[46] 己酉太歲程寶大將軍: ขุนพลเถี่ยโป๊วไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกี้อิ้ว (2512, 2572)
[47] 庚戌太歲倪秘大將軍: ขุนพลหยีไป่ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีแกสุก (2513, 2573)
[48] 辛亥太歲葉堅大將軍: ขุนพลเหียบเกียงไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีซิงไห (2454, 2514)
[49] 壬子太歲丘德大將軍: ขุนพลคูเต็กไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีหยิ่มจื้อ (2455, 2515)
[50] 癸丑太歲朱得大將軍: ขุนพลจูเต็กไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกุ่ยทิ่ว (2456, 2516)
[51] 甲寅太歲張朝大將軍: ขุนพลเตียวเซี้ยวไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกะอิ๊ง (2457, 2517)
[52] 乙卯太歲萬清大將軍: ขุนพลบ่วงเช็งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีอิกเบ้า (2458, 2518)
[53] 丙辰太歲辛亞大將軍: ขุนพลชิงอาไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเปี้ยซิ้ง (2459, 2519)
[54] 丁巳太歲楊彥大將軍: ขุนพลเอี่ยวหงั่งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีเต็งจี๋ (2460, 2520)
[55] 戊午太歲黎卿大將軍: ขุนพลหลี่เค็งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีโบ่วโง่ว (2461, 2521)
[56] 己未太歲傅黨大將軍: ขุนพลโป้วเซี้ยวไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกี้บี่ (2462, 2522)
[57] 庚申太歲毛梓大將軍: ขุนพลหม่อจี้ไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีแกซิม (2463, 2523)
[58] 辛酉太歲右政大將軍: ขุนพลเจี๊ยเจ็งไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีซิงอิ้ว (2464, 2524)
[59] 壬戌太歲洪克大將軍: ขุนพลอั่งชงไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีหยิ่มสุก (2465, 2525)
[60] 癸亥太歲虞程大將軍: ขุนพลอู่เที้ยไต่เจียงกุง เทพคุ้มครองดวงชะตาประจำปีกุ่ยไห (2466, 2526)
อีกโถงหนึ่งก็ยังมีองค์ เปากง หรือ เปาบุ้นจิ้น ซึ่งคนไทยเราก็คงรู้จักประวัติท่านดี
มีแท่นเครื่องประหารหัวพยัคฆ์ด้วย
สำหรับที่วัดนี้เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้สักการะเทพหลายองค์เลย โดยเฉพาะองค์ เปากง หรือ เปาบุ้นจิ่น ที่เรายังไม่พบที่วัดไหนมาก่อน…