เที่ยวมาเก๊า
ลุงเด้ง ป้าไก่ ได้รับเทียบเชิญจาก AirAsia ให้ร่วมเดินทางไปกับกิจกรรม
“อิ๊งค์ Eat with AirAsia Exclusive Trip ตะลุยกิน in China”
กิจกรรมในครั้งนี้ AirAsia ร่วมกับ COOLfahrenheit 93 ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมค้นหาผู้โชคดี 4 ท่าน พร้อมเพื่อนร่วมเดินทาง
ไปตะลุยชิมสุดยอดความอร่อยจาก 4 เมืองดังในประเทศจีน
ฮ่องกง มาเก๊า เซินเจิ้น และกวางโจว โดยออกเดินทางวันที่ 5-8 เมษายน 2557
“ตั้งแต่เกิดมาก็มีทริปนี้แหละครับ กินมากที่สุด อิ่มที่สุด
น้ำหนักตัวขึ้นมา 2 กิโล จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ลงเลยครับ”
ทริปนี้ 4 วัน 3 คืน ใน 4 เมือง รวมทั้งหมด 16 ร้าน
ซึ่งแต่ละร้านก็จัดกันสุดกำลังทั้งนั้นครับ
มาเก๊า
01. Wong Chi Kei – มาเก๊า – เกี๊ยวกุ้ง บะหมี่ไข่เส้นเหนียวนุ่ม เนื้อตุ๋นรสเลิศ เกี๊ยวทอดยักษ์
02. Lord Stow’s – ทาร์ตไข่ สูตรต้นตำรับที่โด่งดังที่สุดในมาเก๊า
03. Tai Lei Loi Kei – แซนวิชหมูทอด ที่ขายดีที่สุดในมาเก๊า
04. Dom Galo – ร้านอาหารสไตล์แมคกานีส (Macanese)
05. อาหารเช้าที่โรงแรม
ฮ่องกง
06. Lei Garden – สุดยอดอาหารกวางตุ้ง ได้รับรางวัลสุดยอดร้านอาหารในปี 2004 จาก The Hong Kong Tattler
07. Hui Lau Shan – น้ำมะม่วง และ พุดดิ้งมะม่วง เจ้าอร่อยของเกาะฮ่องกง
08. Budaoweng – สุดยอดภัตตาคาร Hot Pot ระดับเทพ
09. อาหารเช้าที่โรงแรม – Holiday Inn
10. Chee Kee – โจ๊กปูไข่
เซินเจิ้น
11. Man Ting Fang – อาหารเสฉวน กุ้งมังกรเสฉวน
กวางโจว
12. Pan Xi – ตำนานอร่อยที่ยาวนานกว่า 65 ปี
13. อาหารเช้าที่โรงแรม DoubleTree by Hilton Guangzhou
14. Liam Xiang Lou ติ่มซำ แห่งเมืองกวางโจว
15. Shun Feng Seafood Restaurant สไตล์ซุ่นเต๋อ
16. Wu Mi Zhou – ชาบูน้ำข้าว เป๋าฮื้อสด สไตล์ซุ่นเต๋อ
ปิดท้ายด้วย ข้าวเหนียวมะม่วง กลางเวหา AirAsia
ส่วนหนึ่งของความอร่อยในทริปนี้ครับ
จุดเริ่มต้นความอร่อย…
04.30 น. พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์สายการบินแอร์เอเชีย
เที่ยวบิน FD760 เดินทางไปมาเก๊า ความอร่อยเมืองแรกของทริปนี้ครับ
ได้รับเอกสารการเดินทาง พร้อมป้ายติดประเป๋า ใช้เวลาในการ Check-in ไม่นานครับ
พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย…
คณะของเราออกเดินทางเป็นกลุ่มแรก เพราะต้องมาซน กันที่หน้าเครื่องก่อนออกเดินทาง
โฉมหน้าผู้ที่ได้รับรางวัลร่วมเดินทางไปกับ “อิ๊งค์ Eat with AirAsia Exclusive Trip ตะลุยกิน in China”
ออกเดินทางไปชิมของอร่อยสุดๆ กันเลย…
ที่นั่งร้อนๆ มาแล้วคะ… ที่นั่งแถวพิเศษ (Hot Seat)
เอกสารต่างๆ ที่อยู่ในที่เก็บเอกสารหน้าที่นั่ง
วันนี้เราจะมาลองเมนูใหม่กันครับ Seafood Tom Yum with Rice – Coca-Cola ราคา 190 บาท
เครื่องบินออกได้ไม่นาน ก็พร้อมที่จะเสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่มกันแล้วละครับ
หน้าตาของอาหารประมาณนี้ครับ…
ขอบคุณที่นำสินค้าท้องถื่นมาจำหน่ายในเครื่อง
เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบเกลือ ราคา 60 บาท (มีมากกว่าที่เห็นนะครับ ลุงเด้ง เผลอหยิบใส่ปากเคี้ยวไปแล้วหลายเม็ด 555)
บรรยากาศภายในเครื่อง
ที่นั่งแถวสุดท้าย … ความสะอาดภายในห้องผู้โดยสารสะอาดมากครับ
เวลาประมาณ 10.20 เครื่องลงจอดที่ท่าอากาศยานมาเก๊า
“อิ๊งค์” หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัฒน์ หรือ ปิ่นโตเถาเล็ก กล่าวต้อนรับพร้อมแนะนำร้านอาหารที่เราจะไปทานกันในมาเก๊า
บางร้านลุงเด้ง ป้าไก่ก็เคยทานแล้ว ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นร้านทีเด็ดของมาเก๊าที่นักท่องเที่ยวควรจะมาชิม
ร้านที่ยังไม่เคยชิมก็คือร้าน Dom Galo – ร้านอาหารสไตล์ โปรตุกีส-แมคกานีส (Portuguese – Macanese)
ทริปนี้มี “คูลเจ แนน” จาก COOLfahrenheit 93 สร้างความเฮฮาได้ตลอดการเดินทาง
Ruins of St.Pauls (ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล)
หลักฐานอารยธรรมของความยิ่งใหญ่ในอดีต ประตูโบสถ์เซนต์ปอล เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองเก่าของมาเก๊า ก่อตั้งขึ้นในปี 1594
ประตูโบสถ์เซนต์ปอล หมายถึง ด้านหน้าที่ยังหลงเหลืออยู่ของโบสถ์มาแตร์ เดอี (Church of Mater Dei)
ประตูโบสถ์ที่หลงเหลืออยู่แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดของสถาปัตยกรรม
ซึ่งเป็นการผสมผสานองค์ประกอบของงานสถาปัตยกรรมทั้งสไตล์จีนและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันอย่างสวยงาม
เป็นสถานซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองมาเก๊า
โบสถ์เซนต์ปอลถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1602 แล้วเสร็จในปีค.ศ. 1637 ออกแบบโดยพระนิกายเยซูอิตชาวอิตาเลียนโดยความช่วยเหลือของคริสเตียนชาว ญี่ปุ่น และตั้งใจก่อร่างให้เป็น “อะโครโปลิส” แห่งมาเก๊า ตั้งอยู่ติดกับวิทยาลัยเยซูอิตแห่งเซนต์ปอล (The Jesuit College of St. Paul’s) ซึ่งเป็นสถานศึกษาแห่งแรกของชาวตะวันตกในแดนตะวันออกไกลซึ่งมิชชันนารีผู้ เผยแพร่ศาสนาใช้เป็นที่เรียนภาษาจีนที่มาเก๊าก่อนที่จะเดินทางเข้าแผ่นดิน ใหญ่
วิทยาลัยแห่งนี้ก็ถูกใช้เป็นค่ายทหารหลังจากที่มีการขับไล่บรรดาพระนิกาย เยซูอิตออกไป ต่อมาในปีค.ศ. 1835 เกิดไฟใหม้เริ่มต้นจากในห้องครัว ไฟลุกลามรุนแรงทำลายวิทยาลัยและตัวอาคารโบสถ์พังทลายจนหมด คงเหลือไว้แต่เพียงด้านหน้าของตึกที่มีรายละเอียดของสถาปัตยกรรม (Façade) ส่วนของบันไดทางขึ้น และบางส่วนของกำแพง
ทุกอย่างถูกทิ้งไว้หลังเกิดไฟไหม้ใหญ๋ในครั้งนั้น จนถึงปี ค.ศ. 1991 จึงได้มีการบูรณะซ่อมแซม มีการจัดสร้างบริเวณด้านหลังของซากประตูโบสถ์ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศาสนาซึ่ง รวบรวมภาพเขียนและอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาต่างๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่ง ลุงเด้ง ป้าไก่ และ คุณอิ๊งค์
เราเคยร่วมเดินทางไปตะลุยกิน 4 วัน 3 คืน ใน 4 เมือง ของประเทศจีน รวมทั้งหมด 16 ร้าน
เดินชมเมืองได้ไม่นาน เพราะเราจองโต๊ะไว้ที่ร้าน Wong Chi Kei สุดยอด เกี๊ยวกุ้ง บะหมี่ไข่เส้นเหนียวนุ่ม
เนื้อตุ๋นรสเลิศ เกี๊ยวทอดยักษ์ และเส้นใหญ่เนื้อผัดซีอิ๊ว
ชื่อร้าน : Wong Chi Kei (Macau New Shop)
ที่ตั้ง : No.17 Largo Do Senado, Santo Antonio, Macau
ลุงเด้ง ป้าไก่ เคยรีวิวร้านนี้ไว้แล้วที่ http://www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=16022.0
เกี๊ยวทอดยักษ์ Deep fried wontons จานนี้มี 5 ชิ้น ราคา 34 เหรียญ
ตัวเกี๊ยวทอดได้กรอบ “ฟู” ไม่อมน้ำมัน ชิ้นให้มากๆ
ทานกับน้ำจิ้มที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน ช่างสุดยอดซะจริงๆ เลยครับ
เกี๊ยวแต่ละชิ้นจะมี กุ้งซ่อนอยู่ 1 ตัว 555
หนึ่งในเมนูจานเด็ดของร้าน Wong Chi Kei เนื้อตุ๋น
ตามด้วยบะหมี่เนื้อตุ๋น ถ้าจำราคาไม่ผิด 34 เหรียญครับ
เส้นบะหมี่ไข่เส้นนุ่มเหนียว เพราะใช้แป้งสาลีแคนนาดา ผสมกับไข่เป็ด นวดด้วยไม่ไผ่ตามวิธีโบราณ
เนื้อตุ๋นสุดยอดอยู่แล้วสำหรับร้านนี้ เนื้อชิ้นสวย ตุ๋นได้เปื่อยนุ่ม คีบเนื้อเข้าปากแล้วละลายเลยครับ
สำหรับคนทานเนื้อ … เมนูนี้ต้องลองชิมให้ได้นะ
บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง อีก 1 เมนูที่ห้ามพลาดเช่นกันครับ ราคา 32 เหรียญ
เส้นใหญ่ผัดเนื้อ อาหารกวางตุ้ง จัดเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมในฮ่องกง
ร้านนี้ก็ทำได้ไม่เป็นรองใครครับ
บะหมี่แห้งโรยไข่กุ้ง เมนูนี้บางคนชอบ บางคนไม่ชอบ
เวลาเสิร์ฟ จะมีซุปมาให้อีก 1 ถ้วยไว้ซดให้คล่องคอเวลาทาน
เป็นที่สนุกสนานกันละครับ เพราะว่าจะแบ่งมาให้ลุงเด้งลองชิม เส้นก็พันกันแบบแยกไม่ออก เส้นไม่ขาดกันเลย
โอ๊ย… เห็นแล้วหิว
หลังทานอาหารมีเวลา 20 นาทีเดินเล่นในย่าน เซนาโด้ สแควร์ ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปนมัสการเจ้าแม่กวนอิมริมทะเล
อนุสาวรีย์ จอร์จ อัลวาเรซ (Jorge Álvares)
ชาวโปรตุเกส เป็นยุโรปชาติแรกที่ขึ้นฝั่งที่มาเก๊า ได้รับการยกย่องและสรรเสริญให้เป็นวีรบุรุษของแผ่นดินนี้ : พิกัด 22.191783, 113.540305
เวลามานมัสการเจ้าแม่กวนอิมริมทะเล ถ้าเราสังเกตที่พื้นก็จะเห็นลวดลายบางอย่างที่เป็นสัญลักษณ์ทางฮวงจุ้ย
บางก็ว่าเวลาจะขอพรให้ไปยืนที่เรื่องหมาย อินฟินิตี้ หรือเลข 8
เครื่องหมายนี้ในทางฮวงจุ้ย หมายถึงความมั่งคั่งร่ำรวย ที่ไม่สิ้นสุด
แต่เวลาขอพรต้องหันหน้าไปทางองค์เจ้าแม่กวนอิมนะครับ
นี่ก็อีก 1 เครื่องหมายทางฮวงจุ้ยครับ
อาหารว่างช่วงบ่าย… 555 ความอร่อยจากร้าน Wong Chi Kei ยังเต็มพุงอยู่เลยอ่ะ
เราแวะมาทานกันต่อที่ Tai Lei Loi Kei แซนวิชหมูทอดเจ้าดัง ที่ขายดีที่สุดในมาเก๊า
ร้านเดิมปิดไปแล้วนะครับ แต่ร้านใหม่ก็เปิดอยู่ใกล้ๆ กัน เป็นตึกสวยงามมี 2 ชั้น
Tai Lei Loi Kei ร้านใหม่ ตั้งอยู่บนถนน Rua Correia da Silva ติดกับ Museum of Taipa and Colone History ใกล้ๆ กับวัน Tin Hau
วันนี้ คุณ Wendy Chan ทายาทรุ่นที่ 2 ของ Tai Lei Loi Kei ออกมาให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
มีสาขาที่ เวเนเชี่ยน ด้วยนะครับ
เห็นมีที่ฮ่องกง และ มาเลเซียด้วยแหละ
คุณ Wendy Chan ยังใจดี ให้เราบุกถึงในครัว เพื่อให้เห็นว่า ที่ร้านอบขนมปังกันสดๆ ทุกวัน
ว่ากันว่าให้มาทานเวลาบ่าย 2 เป็นต้นไป ถ้าต้องการขนมปังที่อบสดๆ ใหม่ๆ
ความอร่อยยังคงดำเนินต่อไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอนครับ
หลังจากแซนวิชหมูทอดแล้วก็มาต่อกันที่ ทาร์ตไข่ ของ Lord Stow’s เจ้าแรกที่นำมาเผยแพร่ และเริ่มขายในมาเก๊าเป็นที่แรก
วันนีเรามาทานที่สาขาดั้งเดิมกันครับ ที่เห็นคนยืนแน่นหน้าร้านคือมาซื้อทาร์ตไข่นี้แหละครับ
สาขาดั้งเดิม เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989
1 Rua Do Tassara, Coloane Town Square, Macau
เปิดบริการทุกวัน 07:00-22:00
หรือจะเป็นสาขาที่ เวเนเชี่ยน ตั้งอยู่ที่ level 3 The Grand Canal Shopper Venetian, Macau
ภายในร้านก็อบขนมกันสดๆ ทุกวัน และตลอดเวลาครับ
ทริปนี้ยังมีนักเขียนจาก กรุงเทพธุรกิจ ที่ใช้นามปากกาว่า “หมูหวาน” ร่วมเดินทางมาด้วยครับ
ป้าไก่มาแอบอยู่ข้างๆ ร้าน Lord Stow’s บอกว่า กินไม่ไหวแล้ว ยังอิ่มอยู่เลย 555
กลับมาเดินเล่นที่ เวเนเชี่ยน มีเวลา 1 ชั่วโมง เดิน ๆ ๆ ให้ท้องได้ทำหน้าที่ย่อยอาหารอย่างสมบูรณ์
เพราะมื้อค่ำเราต้องไปทานอาหารสไตล์แมคกานีส (Macanese) ที่ร้าน Dom Galo
พื้นทางเดินที่ Grand Hall ถ้ามองด้วยตาเปล่า ก็เป็นพื้นที่มีลวดลายปกติ
แต่ถ้ามองผ่านเลนส์กล้อง จะเป็นเป็นภาพ 3 มิติ น้อยๆ – ลองสังเกตกันดูนะครับ ว่ามองออกหรือป่าว
อิ๊งค์ Eat with AirAsia Exclusive Trip ตะลุยกิน in China
วันแรกที่ มาเก๊า มื้อนี้ก็จะเป็นอาหารมื้อที่ 5 ของวันนี้
ร้าน Dom Galo เสิร์ฟอาหารสไตล์แมคกานีส (Macanese) หนึ่งในร้านยอดนิยมในมาเก๊า
Address: 32 Avenida Sir Anders Ljungstedt, Macau
Phone: 853/2875–1383
ร้าน Dom Galo ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมริมทะเล
ภายในร้านตกแต่งด้วยสีสดใส เน้นสีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงินเป็นหลัก
ร้านนี้ ลุงเด้ง ป้าไก่ ยังไม่เคยมาชิม เท่าที่ทราบจากทางไกด์ ร้านนี้คนท้องถิ่นชอบมาทานกันมาก คนแน่นทุกคืน ขายดีมากๆ
ภายในร้านก็ใช้เป็นที่ถ่ายแบบลงหนังสือกันบ่อยเช่นกัน
หอยลายผัดกระเทียม กับ ไวน์ขาว
สตูขาหมู ตุ๋นได้นุ่ม ชิ้นสวย ข้อดีคือ ลอกหนังออกไปหมดแล้ว มีเฉพาะส่วนที่เป็นเนื้อ และเอ็น เคี้ยวนุ่มลิ้นมากๆ
African Chicken : ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในอาหาร Asian Fusion ในยุคแรก
ตามตำนานกล่าวไว้ว่า เมนู African Chicken เป็นเมนูที่ได้มาจากทหารโปรตุเกสนายหนึ่งที่เคยประจำการในค่ายที่แอฟริกา มาตั้งรกรากที่มาเก๊า
แต่คำบอกเล่าของ Raimund Pitchlmaier ประธานของ The Macau Culinary Association กล่าวไว้ว่า
ในปี ค.ศ. 1940 Americo Angelo เป็นพ่อครัวของโรงแรม Pousada de Macau ได้ค้นคิดเมนูนี้ขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก
การเดินทางไปยังเมืองที่เคยเป็นอณานิคมของโปรตุเกสในประเทศแอฟริกา เมื่อกลับมาก็เริ่มพัฒนาสูตรลับ และเริ่มขายในโรงแรมแห่งนี้เป็นที่แรก
ในปี 1960 โรงแรม Pousada de Macau ปิดตัวลง และมาเริ่มงานใหม่ในโรงแรม Far Larger Hotel Lisboa
เมนู African Chicken ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยยังคงเก็บส่วนผสม และวิธีทำทั้งหมดเป็นความลับ ไม่เคยเปิดเผย
แม้ผู้ช่วยพ่อครัว หลอกถาม อ้อนวอน แอบดู ก็ยังไม่มีใครทราบ ว่าส่วนเครื่องเทศสีเหลืองๆ ส้มๆ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
จนเมื่อในปี ค.ศ. 1979 Americo Angelo มีปัญหาเรื่องปอด และ หัวใจ จนล้มป่วยอย่างหนัก เมื่อเห็นว่าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
จึงได้ถ่ายทอดสูตร (บางส่วน) ให้กับผู้ช่วยพ่อครัว 2-3 คนในเวลานั้น จากนั้นไม่นาน Americo Angelo ก็สิ้นลมหายใจ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สูตรลับ (บางส่วน) ก็กระจายไปตามร้านต่างๆ ในมาเก๊า
และเกือบทุกร้านที่เป็นอาหารสไตล์แมคกานีส (Macanese) จะต้องมี African Chicken บรรจุอยู่ในเมนู
อย่าแปลใจนะครับ เพราะว่า African Chicken หน้าตาของแต่ละร้านจะไม่เหมือนกัน รสชาติก็ต่างกัน
อาจจะเป็นเพราะว่า Americo Angelo ยังไม่ได้ เปิดเผยสูตรลับที่แท้จริง ก็เป็นได้
ปลาซาดีนย่างเกลือ
อร่อย แต่ก้างเยอะจังเลยอ่ะ
ข้าวต้มซีฟู้ด นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายๆ เมนูที่ไม่ได้ถ่ายมาให้ชมกัน เพราะทานกันไปซะก่อน 555
ปิดท้ายด้วยขนมจานนี้ … Serradura อ่านว่า เชอร์ราดูร่า บางคนเรียกว่า Sawdust Pudding
Sawdust แปลว่าขี้เลื่อย ทำจาก บิสกิตป่น
ตัวเค้กทำจากวนิลาวิปครีม โรยหน้าด้วย บิสกิตป่น
(vanilla whipped cream and crushed biscuits
จบวันที่ 1 กับการตะลุยกินในมาเก๊า รวมทั้งหมด 5 มื้อ
เริ่มต้นด้วย อาหารบนเครื่อง AirAsia – ต้มยำทะเล กับข้าวสวย
อาหารเที่ยง – Wong Chi Kei : เกี๊ยวกุ้ง บะหมี่ไข่เส้นเหนียวนุ่ม เนื้อตุ๋นรสเลิศ เกี๊ยวทอดยักษ์
มื้อบ่าย ทานเล่น – Lord Stow’s : ทาร์ตไข่ สูตรต้นตำรับที่โด่งดังที่สุดในมาเก๊า
มื้อเย็น ทานเล่น – Tai Lei Loi Kei : แซนวิชหมูทอด ที่ขายดีที่สุดในมาเก๊า
มื้อค่ำ Dom Galo – ร้านอาหารสไตล์แมคกานีส (Macanese)
คืนนี้ ลุงเด้ง ป้าไก่ นอนตีพุงที่ โรงแรม Pousada Marina Infante Macau
เริ่มต้นวันที่ 2 เราจะออกเดินทางจากมาเก๊า ไป ฮ่องกง (ถิ่น ลุงเด้ง ป้าไก่ ละครับ)
อาหารเช้าที่โรงแรม ทานซักหน่อย เวลาเดินทางจะได้ไม่เมาเรือ
ออกเดินทางมาเก๊า ไปยัง ฮ่องกง ด้วยเรือ Ferry ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
เรือลำใหญ่ นั่งสบาย หรูหรา พอสมควร มีที่เก็บกระเป๋าเป็นสัดส่วน
มื้อแรกในฮ่องกง เราเริ่มกันที่ LEI GARDEN ร้านอาหารกวางตุ้งชื่อดังที่เปิดดำเนินการมานานกว่า 40 ปี
อีกทั้งยังได้รับการยกย่องจากนิตยสาร The Hong Kong Tattler ให้เป็นสุดยอดร้านอาหารในปี 2004
ตัวอย่างรางวัลเพียงบางส่วน
2014
The MICHELIN Guide Hong Kong Macau 2014 – One Star
2013
The MICHELIN Guide Hong Kong Macau 2013 – One Star
Hong Kong Capital Magazine “Best of the Best 2013” Chinese Restaurant Award
Hong Kong U Magazine Reader’s Choice “My Best Restaurant” Award
อาหารมื้อนี้ ราคาสูง ปรี๊ดดดดด
ของดี จานใหญ่ และก็หลายจาน ที่เห็นนี้คือส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ
Crispy Roasted Pork หมูย่าง บ้านเราเรียกหมูกรอบ เห็นหน้าตาแบบนี้ ทำยากมากนะครับ
การย่างหมูให้หนังกรอบ และสีสม่ำเสมอ แบบนี้ ยากเป็นที่สุด
เพื่อนที่ฮ่องกง จะเรียกว่า หมู 5 ชั้น / บ้านเราเรียกหมู 3 ชั้น
1 ชั้นหนังกรอบ
2 ไขมัน
3 เนื้อหมู
4 ไขมัน
5 เนื้อหมู
เมนูฟองเต้าหู้ทอด
ห่านย่างฮ่องกง หนังกรอบ ย่างได้สวย รีดไขมันออกจากหนังห่านได้แห้ง รสชาติดี หอมเครื่องเทศ
ผัดหอยเชลล์
Crystal dumplings เปลือกใสแจ๋วเลยอ่ะ
ไก่ทอดหนังกรอบ อีก 1 เมนูขึ้นชื่อของทานร้าน
จุดเด่นที่เห็นได้ชัดเจนในร้านอาหารระดับแนวหน้าของฮ่องกง คือความพิถีพิถันในการปรุง และการควบคุมไฟในการปรุงอาหาร
อาหารทุกจานสีสวย เรียบเสมอกันจริงๆ เลยครับ ไม่มีรอยไหม้ มีดหั่นก็คมกริบ หั่นออกมาได้สวยงาม จริงๆ เลยครับ
หมี่กรอบราดหน้ากุ้ง มีน้ำราดแยกมาให้ต่างหาก
ขนาดของตัวกุ้งเมื่อเทียบกับจานแบ่ง กุ้งตัวใหญ่จริงๆ ครับ
ทานผักบ้างก็ได้ครับ
ทริปนี้ไม่เจอข้าวผัดซักมือเลย มีแต่ข้าวต้มซีฟู้ด เวลาเคี้ยวมีเสียงกรุบๆ เหมือนผสมข้าวตังมาด้วย ขนาดแช่น้ำแล้วก็ยังกรอบอยู่เลยครับ
อาหารมีมากกว่าที่เห็นนะครับ ไม่ได้เก็บภาพมาทุกชาม แต่มื้อนี้ปิดท้ายด้วย ซาลาเปาใส้ไหลครับ
มื้อนี้ @ LEI GARDEN อิ่มอร่อยสุดๆ ครับ
ระหว่างมื้อ ก็มาทาน Hui Lau Shan สาขา มงก๊ก น่าจะเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง
เมนูยอดนิยมรหัส A1 ของโปรดประจำตัวป้าไก่
เมนูใหม่ของร้าน Hui Lau Shan
สไปร์ + เนื้อมะม่วงสุก + น้ำมะนาว + เจลลี่ใส + มิ้น
เวลาไว เหมือนโกหก … ได้เวลาอาหารเย็นอีกแล้วครับ
Budaoweng สุดยอดภัตตาคารสไตล์ HOT POT มีหลายสาขาในฮ่องกง
สาขาที่หรูหราที่สุดตั้งอยู่ที่ชั้น 23 ของห้าง iSquare บนถนน Nathon Road ตรงข้าม Holiday Inn ย่านจิมซาโจ่ย
โต๊ะนี้ราคาคร่าวๆ ประมาณ 5 หมื่นบาท เป็นอย่างต่ำ
ถ้าเพื่อนๆ สนใจ ส่วนลด 40% แนะนำให้ไปทานช่วง 9.30 ในวันธรรมดา
และ 9.45 ในวันเสาร์ อาทิตย์ นะครับ
เนื้อสไลด์ จาก USA แบบหนานุ่ม จุ่มลงในน้ำซุป ประมาณ 10 วินาที
เคี้ยวนุ่ม ชุ่มลิ้น เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากๆ
ในรูปนี้คืออะไรทราบหรือป่าวครับ???
หอยวงวช้าง สไลด์บางๆ ลวกในน้ำซุป 3 วินาที แล้วคีบเข้าปากได้เลยครับ
เหนียวๆ นุ่มๆ กรุ๊บๆ
สุดยอด ซาซิมิ รวมสุดยอดจากทะเล สด หวาน อร่อยที่สุด
บนโต๊ะที่เห็นคร่าวๆ ก็จะมี เกี๊่ยวกุ้งชิ้นโต / พาม่าแฮม / เนื้อ USA / เนื้อปลา / ลูกชิ้นหมีก / ลูกชิ้นปลา / ลูกชิ้นกุ้ง / ตับหมู / เนื้อนกกระจอกเทศ
หมูดำสไลด์ / เนื้อกุ้งบด / เนื้อหมึกบด / และอื่นๆ ที่จะตามมาแบบไม่อั้น
ฟองเต้าหู้ … ของพื้นๆ แต่อร่อยมากๆ เกือบจะเป็นพระเอกบนโต๊ะนี้เลยครับ
วิธีการคือ จุ่มลงในหม้อซุปกดให้จมน้ำทุกส่วน นับ 1 2 3 แล้วคีบขึ้นมาทานได้เลยครับ
คืนนี้ในฮ่องกง พักค้างคืนที่ Holiday Inn Golden Mile บนถนน Nathan ย่านจิมซาโจ่ย
เช้าวันที่ 3…
8:00 อาหารเช้าแบบติ่มซำครับ แต่ทุกคนยังอิ่มจาก Hot Pot ที่ทานมาเมื่อคืนอยู่เลยอ่ะ…
10:45 อาหารเช้า มื้อที่ 2 CHEE KEI – โจ๊กปูใข่
คณะของเราเดินทางไปก่อนร้านเปิดครับ
เพราะถ้าไปช้ากว่านี้ คนจะเต็มร้าน แล้วก็ต้องรอคิวยาวเลยละ
โจ๊กปูไข่ เสิร์ฟมาในถังไม้ สนนราคา 68 เหรียญ
โจ๊กสีเหลืองนวล เจือสีของไข่ปู ขนาดปูไข่ ตัวไม่ใหญ่ครับ เพราะเราไม่เน้นทานเนื้อ
เน้นไข่แน่นเต็มกระดองเป็นเลิศ
นี่ครับ หลักฐานความอร่อย ไข่ปูอัดแน่นเต็มกระดอง
อย่างนี้ใครจะอดใจไหว
นอกจากกระดองปูที่อัดแน่นไปด้วยไข่ ที่ตัวก็มีไข่อีก 1 ก้อนโตๆ
โจ๊ก จะทานในถังไม้ก็ได้ หรือจะตักแบ่งใส่ถ้วย ค่อยๆ ทานก็ได้นะครับ
ยืนยันความอร่อยด้วยภาพนี้ครับ สุดยอดจริงๆ
หลังจากอาหารเช้าที่โรงแรม ต่อด้วย โจ๊กปูไข่
คณะของเราก็เดินทางไปยังเซินเจิ้น เพื่อจะไปทานอาหารกลางวันสไตล์เสฉวน
มาถึงแล้วครับ ร้านอาหารในเซินเจิ้น ร้านใหญ่มากๆ ต่างจากในฮ่องกง และมาเก๊า
ร้าน Man Ting Fang เป็นร้านอาหารเสฉวน
อาหารเสฉวน เป็นอาหารจีนที่ใช้เครื่องเทศและของป่ามาก เครื่องปรุงที่เป็นเอกลักษณ์คือพริกหอมหรือพริกเสฉวน เป็นอาหารรสจัดรวมทั้งรสเผ็ดและมีรสซ่า
พริก ซึ่งมีอยู่หลายแบบเช่นพริกแห้ง พริกทอด พริกบดผสมน้ำมัน พริกเผา พริกป่น และ หมาร่า (เครื่องเทศชนิดหนึ่งของเสฉวน)
เมนูพื้นๆ แต่การนำเสนอสุดๆ เลยครับ
ซี่โครงหมูทอดพริกเกลือ
เป็ดอบใบชา เป็นหนึ่งในอาหารเสฉวน แบบดั้งเดิม
ความเผ็ดร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กับเมนูกุ้งทอดพริก
หม้อนี้ราคาหลายพันบาท กุ้งมังกรในน้ำมันพริก
เมื่อเปิดฝาหม้อออกมาก็ต้อง ตะลึงกับความแดงของพริก พริกล้วนๆ ผัดในน้ำมัน โดยมีกุ้งมังกรเป็นวัตถุดิบหลัก
พริกคงหมดไปเป็นกิโลๆ เวลาทานใช้ กระชอน ช้อนกุ้งมังกรขึ้นมา แล้วสะเด็ดน้ำมันให้หมด แล้วค่อยทานครับ
ด้านล่างสุดเป็นเส้นแป้งใสๆ เหนียวๆ เหมือนก๋วยเตี๊ยวเซี่ยงไฮ้
เม็ดเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลางเนื้อกุ้งมังกร คือ หม่าล่า เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งใช้รสชาติเผ็ดร้อน และซ่า แบบลิ้นชา
ถ้าเผลอไปกัดโดนจนเม็ดแตกในปาก รับรอง ลิ้นชา และจะพบกับความรู้สึกแบบแปลกประหลาด แน่นอนครับ
ไก่ผัดพริกเสฉวน
เมนูประหลาด … ซุปกระดูกหมู
อ้าว มัน แปลก ประหลาด ตรงใหนอ่ะ ? ? ?
แปลกตรงนี้ครับ
กระดูหมู ชึ้นโตๆ ปลายมีหลอดไว้ดูด “ไขกระดูก” อย่างนี้ประหลาดหรือป่าวครับ ? ? ?
เหมือนเดิมครับ ทุกมื้อจัดหนัก จัดเต็ม ทานกันจุก ทุกมื้อ
หลังจากอาหารกลางวัน เราก็ไปเที่ยวกันที่ หมู่บ้านวัฒนธรรมจีน (Splendid of China) เป็นที่รวบรวมสิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรม
ของประเทศจีนจำลองมาอยู่ในสวนขนาดใหญ่แห่งนี้
เซินเจิ้น ศูนย์รวมสินค้าก๊อป ขนาดสวนยังปลอมเลยครับ 555
ดอกไม้ที่เห็น คือ ดอกไม้พลาสติก ทั้งนั้น
คุณลุง ขายผลไม้เสียบขายเป็นไม้ๆ แต่ที่คุณลุงถือ ก็เป็นผลไม้ปลอมอีกแล้ว
ดอกไม้สีแดงด้านหลัง ก็ปลอมนะครับ แต่อากาศดีมากครับวันนี้ 22 องศาเท่านั้นเอง
กำแพงเมืองจีน จำลอง
ป้าไก่คนนี้ ของจริงนะครับ
มีเวลาเดินเล่นแค่ 20 นาที เองครับ เพราะต้องไปทานมื้อเย็นกันแล้ว
ฝากภาพนี้ไว้เป็นภาพอำลา หมู่บ้านวัฒนธรรมจีน (Splendid of China) นะครับ
จากนั้นเราเดินทางต่อไปยังเมืองกวางโจว
กวางโจวเป็นเมืองเองของมณฑลกวางตุ้ง และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางภาคใต้ของสาธารณะรัฐประชาชนจีน
เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำจูเจียง และมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2800 ปี
มื้อเย็นวันนี้เราจะทานที่ภัตตคาร Pan Xi เป็นหนึ่งในภัตตาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองนี้
เปิดบริการมานานกว่า 65 ปี
ร้าน Pan Xi แห่งนี้เสิร์ฟอาหารสไตล์กวางตุ้ง แบบกวางโจว เมนูอาหารไม่ต่างอะไรจากอาหารกวางตุ้งฮ่องกง
แต่… รสชาติของอาหารกวางตุ้งแบบกวางโจว จะเนียนๆ นวลๆ ไม่เค็มมาก ไม่มันมาก (ถ้าเป็นแบบฮ่องกงรถชาติจะจัดกว่า เค็มกว่า มันกว่า)
หมึกผัดน้ำมันหอย รสชาตินวลๆ ไม่เค็มมาก ไม่มันมาก ทานเปล่าๆ ไม่ต้องมีข้าวสวยก็ทานได้สบายๆ
ห่านย่าง หนังไม่กรอบเหมือนในฮ่องกง แต่รสชาติกลมกล่อม ไม่เค็มมาก มันน้อย
กุ้งต้ม ตัวเล็ก แต่เนื้อหวานมาก
ผัดผักราดน้ำมันหอย
ไก่ต้ม … เนื้อเหนียว แต่นุ่ม เหมือนใช้ไก่บ้านแบบเมืองไทย แต่นุ่มกว่า เนื้อมากกว่า ไม่เหนียว
ต้มสุกกำลังพอดีเลยครับ
นึกว่าอาหารจะหมดแล้วซะอีก
แล้วก็มีพนักงานยกปลานึ่งตัวโตๆ มาวาง ทุกคน งง เลยครับ อิ่มแล้วนะ ยังจะมีอีกหรือ???
มื้อนี้มีซุปด้วยครับ ซดคล่องคอ ชื่นใจ จริงๆ
ปิดท้ายของค่ำคืนนี้ด้วยการชม แคนตั้น ทาวเวอร์ ที่มีความสูง 610 เมตร สร้างขึ้นเพื่อส่งสัญญาณภาพ
แคนตันทาวเวอร์เป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์และตั้งสูงตระหง่านอยู่กลางเมืองกวางโจว สูง 600 เมตร (1,968 ฟุต)
อาคารแห่งนี้เคยเป็นในอาคารที่สูงที่สุดในโลก
ประกอบด้วยตัวอาคารคิดเป็นพื้นที่ความสูง 450 เมตร (1,476 ฟุต)
และส่วนที่เป็นเสาอากาศโทรทัศน์คิดเป็นความสูง 150 เมตร (492 ฟุต)
อาคารนี้มีจุดเด่นเรื่องส่วนเว้าและโค้งของอาคาร ได้รับการขนานนามว่า “ซูเปอร์โมเดล”
ส่วนที่แคบที่สุดของอาคาร สามารถวัดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ที่ความกว้าง 30 เมตร (98 ฟุต)
คืนที่ 3 ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย ลุงเด้ง ป้าไก่ พักที่ Double Tree by Hilton ห้องสวยงามหรูหรา และใหญ่มาก
โปรแกรมสำหรับพรุ่งนี้ (วันสุดท้าย) มีดังนี้ครับ
เช้า – อาหารเช้าที่โรงแรม – Check out
สาย – อาหารเช้าที่ร้าน Lian Xiang Lou
เที่ยง – ชมคฤหาสน์ตระกูลเฉิน
เที่ยง – อาหารกลางวัน Shun Feng Seafood Restaurant
บ่าย – ห้าง One Link ใจกลางเมืองกวางโจว
เย็น – อาหารเย็น Wu Mi Zhou ชาบูน้ำข้าว สไตล์ซุ่นเต๋อ
23.55 – ออกเดินทางกลับด้วยสายการบิน AirAsia – ข้าวเหนียวมะม่วงกลางเวหา
การเดินทางมาถึงวันสุดท้าย จบที่เมืองกวางโจว เช้านี้เลยตื่นเร็วกว่าปกติ
ออกมาเดินชมเมืองกันหน่อยครับ
บรรยากาศเมืองกวางโจว รอบๆ โรงแรม Double Tree by Hilton ถนนหาทาง สะอาดกว่าที่คิดไว้
ร่มรื่น ต้นไม้เยอะดีครับ ภาพนี้ถ่ายจากสะพานลอยหน้าโรงแรม ปรากฏว่า ทุกสะพานลอยในย่านนี้ ปลูกต้นไม้บนสะพานด้วยครับ
มองไม่เห็นโครงสร้างสะพานลอย เห็นแต่สีเขียว ทั้งนั้นเลย
สะพานลอย ย่านนี้ เป็นแบบนี้ทั้งหมดเลยครับ ดูดีมากๆ เลย
อาหารเช้าที่โรงแรม ไม่กล้าทานเยอะ เพราะเดี๋ยวก็ต้องทานอาหารเช้าอีกร้าน ที่ภัตตาคารอีก 1 รอบ 555
AirAsia คงอยากจะขุนให้อ้วนกันทุกคนแน่ๆ เลย
ทานแบบเรียกน้ำย่อย อิ่มไม่ได้ เดี๋ยวร้านต่อไปกินไม่ลง 555
หลังอาหารเช้า ก็ Check-out ส่งกระเป๋าขึ้นรถ แล้วออกเดินทางไปทานอาหารเช้า (อีกรอบ) ที่ร้านอาหารจีนในตัวเมืองกวางโจว
อาหารเช้า (มื้อที่ 2 ของวันนี้) ร้าน Lian Xiang Lou จะเป็นติ่มซำแบบจีน กวางโจว
ชั้นล่างของร้าน Lian Xiang Lou จะเป็นร้านขายขนมของฝาก เน้นพวกขนมเปี๊ยะ แล้วขนมอบ
ร้านนี้เริ่มด้วยโจ๊กหมูเส้น หนังหมู ปลาท่องโก๋ และถั่วตัม แล้วก็ตามด้วยซาลาเปา ติ่มซำต่างๆ ฮะเก๋า ขนมจีบ ตามสูตรครับ
ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะอาหารมาก็ลงมือทานกันเลย
ปาท่องโก๋
หลังอาหารเช้ามื้อที่ 2 คณะของเราเดินทางไปเยี่ยมชม คฤหาสน์ตระกูลเฉิน
“คฤหาสน์” หลังนี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง ประมาณปี ค.ศ.1890 โดยคนตระกูลเฉินร่วมกันออกเงินสร้างเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ตระกูลของตัวเอง และเพื่อใช้เป็นที่ชุมนุมและพร้อมทั้งเป็นสถานที่อบรมลูกหลานก่อนที่จะไปสอบจอหงวน
และได้กลายเป็นโรงเรียนตระกูลเฉิน ต่อมารัฐบาลจีนได้บูรณะซ่อมแซมเป็นครั้งใหญ่
และประกาศให้เป็นสถานที่อนุรักษ์ เพราะมีสถาปัตยกรรมที่งดงามมีคุณค่า
คฤหาสน์ตระกูลเฉินก็ยังจัดทำเป็น Guangdong Museum of Folk Art หรือพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นของกวางตุ้ง
โดยได้รวบรวมเอาข้าวของต่างๆที่สะท้อนถึงความเป็นศิลปะพื้นบ้านของกวางตุ้งมาให้ชมกัน
ทั้งงานเครื่องกระเบื้องของสือวาน เมืองฝอซาน งานแกะสลักไม้ของกวางโจว ฯลฯ
แต่จุดเด่นของคฤหาสน์ตระกูลเฉินที่แจ่มชัดที่สุดก็คงเป็นศิลปะและสถาปัตยกรรม
ลวดลายอันเป็นมงคลที่ประดับอยู่บนหลังคา ทำด้วยเซรามิคที่ปั้นเป็นรูปคนและรูปสัตว์ต่างๆด้วยความประณีต
เมื่อผ่านประตูใหญ่เข้าไปยังด้านในก็จะเห็นฉากไม้ขนาดใหญ่แกะสลักเป็นลวดลายอันละเอียดและงดงาม
ภายในก็มีการจัดแสดงข้าวของอย่างพวกเครื่องกระเบื้อง งานไม้ งานแกะสลักต่างๆ
และยังแบ่งเป็นห้องๆเพื่อจัดแสดงสภาพบ้านเรือนของคนกวางเจาในอดีต ซึ่งมีเครื่องเรือนไม้แบบจีน
ตามประตูและหน้าต่างมีกระจกสีเขียนเป็นลวดลายต่างๆงดงามน่าอยู่ไม่น้อย
บางห้องจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินในปัจจุบันอีกด้วย
อาหารกลางวัน ที่ภัตตาคาร Shun Feng Seafood Restaurant
อาหารกลางวันมื้อนี้ก็เต็มที่ครับ ในภาพก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ
ร้านนี้อร่อยมากครับ เป็นอาหารจีนแบบซุ่นเต๋อ ที่ทานง่ายมากๆ
เมนูเด่นของมื้อนี้ ปลานึ่งซี่อิ้ว
หลังอาหาร เดินทางไปที่ห้าง One Link แหล่งขายของก๊อป ของตกแต่งบ้าน เครื่องประดับ รองเท้า และอื่นๆ อีกมากมาย
หลังจากสำรวจ One Link แล้ว มีเวลาเหลือ ลุงเด้ง ป้าไก่ ก็ออกมาสำรวจเมืองกวางโจวในย่านนี้ มีสถานที่สวยๆ เหมือนกันนะครับ
เดินชมบ้าน และร้านค้าเล็กในย่านนี้
มื้อสุดท้ายของทริป “อิ๊งค์ Eat with AirAsia Exclusive Trip ตะลุยกิน in China” แล้วละครับ
อาหารมื้อนี้เรามากันที่ ร้าน Wu Mi Zhou เป็นอาหารสไตล์ซุ่นเต๋อ อีกเช่นเคย
ทางไกด์คนจีนบอกว่าเป็น ชาบูน้ำข้าว แต่ความจริงแล้ว มันคือคล้ายๆ กับโจ๊กใสๆ นำมาทำเป็นซุป แล้วใส่ของสดลงไปทีละอย่าง
ทานของสดชนิดที่ 1 หมดแล้วก็ตามด้วยของสด จานที่ 2 แล้วก็ต่อกันไปเรื่อยๆ ครับ
ของสดจานแรกเป็นหอย ที่ยังเป็นๆ ใส่ลงไปในน้ำซุป พอสุกแล้ว ก็มีพนักงานมาตัก แล้วเสิร์ฟให้ทุกคนได้ลองชิม
ของสดจากทะเล จานที่ 2 คือ เป๋าฮื้อสด ตัวใหญ่ขนาดฝ่ามือคุณผู้หญิง
จัดว่าเป็น เป๋าฮื้อสด ที่ลุงเด้งเคยทาน
นำใส่ลงในน้ำซุปแบบสดๆ เลยครับ ใช้เวลาประมาณ 3-4 นาที กว่าจะสุก
แต่ขั้นตอนนี้ พนักงานในร้านเป็นคนจัดการให้ครับ เราไม่ได้ลวกเอง
สุกแล้วครับ พนักงานก็จะบั๊ง เป๋าฮื้อ เพื่อให้ทานง่ายขึ้น
จากนี้ก็มี ของสด จานแล้ว จานเล่า ลวกให้พวกเราทาน
เนื้อไก่ / ลูกชิ้นหมู / ลูกชิ้นปลา / เนื้อปลาสด / ฟองเต้าหู้ / ปิดท้ายด้วย ผักซอย
มื้อนี้เราทานกันแบบราชาเลยครับ เพราะมีคนลวกให้ตลอด
ระหว่างที่รอของสดที่กำลังต้มอยู่ในหม้อ ก็มี ปาท่องโก๋ ไข่เจียว ปลาทอด มาทานแกล้มกับ ซุปน้ำข้าว
อิ่มแล้ว ก็มาเดินสำรวจร้าน ร้านนี้ใหญ่มากๆ ครับ
มีห้องส่วนตัว มากกว่า 10 ห้อง ตั้งแต่ห้องละ 1 โต๊ะ (10 คน) จะถึง 4 โต๊ะ (40 คน)
รวมถึงกลางที่มีโต๊ะมากว่า 30 โต๊ะ
งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา
23.55 ได้เวลากลับบ้านกันแล้วครับ สายการบิน AirAsia เที่ยวบิน FD531
นี่ขนาดอิ่มตลอด 4 วัน จนสะกดคำว่า “หิว” ไม่เป็นแล้ว
ทีมงาน AirAsia สร้างความประทับใจด้วย ข้าวเหนียวมะม่วง กลางเวหา
ขอบคุณ AirAsia และ COOLfahrenheit 93 ที่เชิญลุงเด้ง ป้าไก่ ให้ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้
ขอบคุณ : “อิงค์” หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัฒน์ หรือ ปิ่นโตเถาเล็ก ที่ให้ความรู้เรื่องอาหารมากมาย รวมถึงความเฮฮา เป็นกันเอง
ขอบคุณ : คูลเจ แนน” จาก COOLfahrenheit 93 สร้างความเฮฮาได้ตลอดการเดินทาง
ยินดีที่ได้รู้จัก : Blogger คณะสื่อมวลชน และผู้ที่ได้รับรางวัลทุกท่าน
ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกคนด้วยนะครับ