ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเจ้าของข้อมูลทุกข้อมูลที่คัดลอกมาให้ผู้อ่านได้อ่านให้เกิดความรู้กันครับ…
วัดลินฟง ( Lin Fong Temple ( Lotus Temple ))
เป็นวัดที่มีทิศประตูประจัญทิศตะวันตกที่ 3 ( W-3 285 องศา ) นับเป็นวัดที่ไม่มีราศีตามหลักฮวงจุ้ย
วัดลินฟง หรือวัดดอกบัว เป็นหนึ่งในสามวัดเก่าแก่มีชื่อเสียงมากที่สุดในมาเก๊า สร้างขึ้นในปี 1592 ในช่วงราชวงศ์หมิง
……. รูปนี้ต้องขออภ้ยเอียงไปหน่อย…
การเดินทางก็คงต้องอาศัยแผนที่และ Google map เช่นเคย วัดนี้เมื่อดูจากแผนผัง จะประกอบด้วยโถงยาว 3 โถง เรียงเป็นหน้ากระดานลงไป
เป็นวัดพุทธที่มีความสวยงามทางสถาปัตยกรรม ได้มีการก่อสร้างและต่อเติมขยายมาหลายครั้ง และเรียกอีกชื่อว่าวัดดอกบัว เนื่องจากในอดีตมีสระบัวและศาลาจีนอยู่ตรงกลางวัด ดอกบัวเหล่านี้จะเบ่งบานและส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ตลอดฤดูร้อน ด้านหลังของสระบัวเป็นกำแพงหินสลักเป็นรูปมังกรและปลายักษ์อย่างวิจิตรงดงาม นอกจากนี้ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นที่พำนักของเหล่าขุนนางจีนที่เดินทางมายังมาเก๊า เช่น ข้าหลวงใหญ่หลินซีซู (1785-1850) และเหล่าขุนนางจีนได้ลงนามสัญญาเลิกฝิ่นที่วัดนี้
วัดลินฟงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการถวายแก่ องค์เจ้าแม่ทับทิม ( เทพธิดาแห่งท้องทะเล ) และเจ้าแม่กวนอิม (เทพธิดาแห่งความเมตตา ) โดยเจ้าหน้าที่จีนและนักธุรกิจท้องถิ่นที่ร่วมกันสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง
วัดลินฟงนี้เราจะพบว่าเป็นที่ประดิษฐานของ “พระโพธิสัตว์กวนอิมปางมหาบุรุษ” ตามความเชื่อทางลัทธิมหายานที่ว่าพระโพธิสัตว์กวนอิมคืออวตารหนึ่งของพระอมิตาภพุทธเจ้า จึงมีเนื้อแท้ทรงเป็นมหาบุรุษ เมื่อเสด็จโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์จะทรงนิรมิตพระองค์ไปตามภพภูมิ ในพุทธศาสนาฝ่ายมหายานคำว่า “พระโพธิสัตว์(菩萨” คิอ ผู้ซึ่งตั้งจิตแน่วแน่ในการบำเพ็ญเพียรเพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้าต่อไปในอนาคต จึงมีการสร้างสมบุญบารมีเพื่อโปรดสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์ เรียกกันในสันสกฤตว่า “พระอวโลกิเตศวร (Avalokitesvara) ซึ่งแปลว่า “พระผู้เฝ้ามองดูด้วยความเมตตากรุณา” หรือ “พระผู้ทรงสดับฟังเสียงร้องไห้ของสัตว์โลก” สันนิษฐานว่า คติเกี่ยวกับรูปเคารพพระโพธิสัตว์กวนอิม น่าจะมีมาตั้งแต่สมัยสามก๊กและราชวงค์จิ้น ในยุคแรกมักเป็นภาพของพระอวโลกิเตศวร(พระโพธิสัตว์กวนอิม) ที่มีลักษณะแบบเพศชาย มีริมฝีปากหนาและมีหนวดเครา ส่วนเหตุผลของความเปลี่ยนแปลงจากบุคลิกลักษณะเป็นเพศหญิงนั้น นักประติมานวิทยา สันนิษฐานว่า น่าจะมาจากเหตุผล 2 ประการ
1) ประการแรก นั้นคือ พระโพธิสัตว์กวนอิมเป็นผู้ทรงโปรดสัตว์โลก ผู้ตกทุกข์ได้ยาก และในสมัยโบราณนั้น ผู้หญิงมักได้รับการกดขี่ข่มเหงและทุกข์ทรมานมากกว่าเพศชาย จึงเกิดภาพลักษณ์ในด้านที่เป็นเพศหญิง เพื่อช่วยเหลือสตรีให้หลุดพ้นจากบ่วงกรรม
2) ประการที่สอง นั้นคือ ผู้หญิงเป็นเพศที่มีความอ่อนโยนและมีจิตใจที่ดีงามกว่าเพศชาย โดยเฉพาะความรักของผู้เป็นมารดา อันเป็นสัญลักษณ์ของความเมตตาการุณย์ต่อบุตร
แต่อย่างไรก็ตามพระโพธิสัตว์ถือว่านวเพศหรือไม่มีเพศจะเป็นหญิงหรือชายก็ได้เพื่อแสดงถึงความเมตตากรุณาและโปรดสัตว์โลก ซึ่งหมายถึงสภาวะโพธิญาณนั่นเอง
• ตำหนักพระโพธิสัตว์กวนอิมอยู่ด้านในสุดจึงต้องไหว้สักการะเป็นลำดับแรก ก่อนอธิษฐานจิต ให้บอกชื่อนามสกุลของเรา และให้รำลึกถึงพระนามแห่งพระองค์ “กวนอิม” หรือ “กวนซีอิมผู่สัก” ซึ่งแปลตามตัวว่า “ผู้รับฟังเสียงจากโลก” ซึ่งเชื่อกันว่าหากผู้ใดมีความทุกข์ และตั้งจิตอธิษฐานระลึกถึงพระโพธิสัตว์ พระองค์จะทรงรับฟังและตามมาช่วยเหลือผู้นั้นให้พ้นจากความทุกข์ จากนั้นขอพรครั้งละ 1 เรื่องซึ่งเป็นเรื่องที่คิดว่าสำคัญที่สุดในช่วงเวลานั้น ชาวมาเก๊า นิยมไหว้ด้วยธูป 3 ดอก หรือธูปขดสำหรับ 15-30 วัน นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้าจีนองค์อื่นๆ เช่น เทพกวนไท, เทพอาม่า ( เจ้าแม่ทับทิม ) และเทพอื่นๆอีกหลายองค์
เทพอาม่า..
เทพกวนอู
เทพสี่ตา ก็มี…..
และยังมีองค์เทพอื่นๆอีกหลายองค์…แต่ผู้บรรยายไม่รู้จัก
นอกเสียจากว่าอ่านหนังสือจีนออกก็อาจจะรู้ก็ได้…
และในอีกหลายโต๊ะบูชาก็เห็นมีเอาเม็ดถั่วลิสงไปวางไว้ ก็เกิดสงสัย จึงไปค้นมาว่ามันคืออะไร
จึงได้ไปพบจากบทความเรื่อง ความหมายของมงคล 44 ชนิด ( ความเชื่อของชาวจีน )
ซึ่งอธิบายไว้ว่า…
ถั่วลิสง (หลัวฮวาเชิง)
ถือเป็นผลไม้มงคลอย่างหนึ่ง ซึ่งได้รับขนานนามว่า เมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืน
ถั่วลิสง สามารถเจริญเติบโตได้ดีเมื่ออยู่ใต้ดิน มีเมล็ดเป็นพวงคล้ายองุ่น เก็บไว้ได้นานไม่เน่าเปื่อย
มีรสชาติอร่อย หอมและมีคุณค่าต่อร่างกาย จึงใช้ถั่วลิสงเป็นสัญลักษณ์มงคล แสดงถึงความงอกเงย งอกงามและความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง
ยังมีห้องของเทพไท้ส่วย หรือองค์เทพที่คอยคุ้มครองดวงชะตาของคนแต่ละราศี ตั้งอยู่ด้วย เราก็สามารถเข้าไปสักการะ ขอพรให้ท่านคุ้มครองดวงชะตาของเราและทำพิธีแก้ชงได้ สำหรับคนที่ชงหรือมีเคราะห์ในปีนั้นๆ
มีเทพองค์ที่อยู่ตรงกลางที่มีหลายมือ เป็นหัวหน้าเทพผุ้ดูแลองค์ไท้ส่วย ทั้งหมด
ในบริเวณใกล้ๆวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ระลึกของ Lin Zexu วีรบุรษผู้รักชาติจัดแสดงอยู่ด้วย เราสามารถเข้าไปชมได้แต่ต้องมีค่าเข้าชมด้วย คนละ 10 หรือ 20 MOP นี่แหละ